วันเสาร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2553

ศอฉ.สั่งตั้งด่านสกัดแดงเข้มขึ้นกันปะทะ



ศอฉ.ประเมินการชุมนุมเสื้อหลากสี มีคนร่วมเพิ่มมากกว่าแดง เผยยอดคนรายงานตัวตามหมายเรียกแล้ว กว่า 62คนจาก 92 ขณะที่เตรียมแจงผู้ว่าทั่วประเทศเหตุสถานการณ์บ้านเมืองนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (หรือศอฉ.) ที่มีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง เป็นประธาน ได้มีการประเมินการชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ทั้งกลุ่มเสื้อแดงและกลุ่มเสื้อหลากสี โดยพบว่ากลุ่มเสื้อหลากสี มีจำนวนคนเข้าร่วม มากขึ้นเป็นจำนวนมาก ขณะที่กลุ่มเสื้อแดงมีคนเข้าร่วมขึ้นเพียงเล็กน้อย ทั้งนี้ ได้สั่งการให้แต่ละด่านตรวจสกัดมีความเข้มงวดในการปฏิบัติหน้าที่เพิ่มมากขึ้น พร้อมกำชับให้ระวังเรื่องการปะทะระหว่างกลุ่มต่างๆ ขณะที่การสอบสวนผู้ถูกจับกุมนั้น ก็ได้มีการสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการดำเนินคดี ส่วนคำสั่งหมายเรียกนั้น ขณะนี้มีผู้มารายงานตัวแล้ว 62 คน จากทั้งหมด 92 คน อย่างไรก็ตามในวันพรุ่งนี้จะมี การประชุมผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งนายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง รวมถึงผู้บัญชาการทหารบกเข้าร่วมประชุม โดยจะชี้แจงทำความเข้าใจในขั้นตอนการปฏิบัติงานของรัฐบาลให้มีความเข้าใจตรงกัน

อธิบดีศาลแพ่ง ยัน ไม่เคยห้าม ศอฉ.สลายการชุมนุม บอกตีความผิด ชี้สลายได้ ต้องทำตามหลักสากล

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชาติชาย อัครวิบูลย์ อธิบดีผู้พิพากษาศาลแพ่ง กล่าวถึง กรณีที่มีผู้นำคำสั่งศาลแพ่งสั่งคุ้มครองชั่วคราว การสลายการชุมนุม แล้วไปสรุปเอาว่า ศาลแพ่งห้ามรัฐบาล โดยศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. สลายการชุมนุม กลุ่ม นปช. ที่บริเวณแยกราชประสงค์นั้น ว่าเป็นการสรุปความที่ไม่ตรงคำสั่งศาล โดยคดีนี้ศาลแพ่งเห็นว่า ไม่มีเหตุผลที่จะห้ามสลายการชุมนุมโดยเด็ดขาด เพราะเป็นการชุมนุมที่ไม่ชอบ สร้างความเดือดร้อนต่อเสรีภาพประชาชน แต่เพื่อป้องกันการเสียชีวิตเหมือนเหตุสลายการชุมนุม ที่บริเวณแยกผ่านฟ้าลีลาศ เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา จึงคุ้มครองเพียงว่า หาก ศอฉ. มีเหตุจำเป็นจริงๆ ก็สามารถสลายการชุมนุมได้ แต่ต้องคำนึงถึงความเหมาะสม และทำตามหลักสากล ไม่ใช่ห้ามสลายการชุมนุมอย่างที่หลายฝ่ายเข้าใจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น